สถิติ
เปิดเมื่อ9/08/2016
อัพเดท10/08/2016
ผู้เข้าชม23313
แสดงหน้า28865
บทความ
y
ปฎิทิน
December 2025
Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
   




(เข้าชม 5116 ครั้ง)


วัสดุและอุปกรณ์ในการติดตั้ง
 
อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ในระบบไฟฟ้ามีอยู่มากมายหลายชนิด ส่วนมากจะมีมาตรฐานควบคุมคุณภาพอยู่แล้ว โดยมาตรฐานอุปกรณ์ไฟฟ้าที่นิยมใช้กันมาก คือ มาตรฐานของ IEC จะสังเกตได้จากแคตตาล็อกของอุปกรณ์ไฟฟ้าจะอ้างถึงมาตรฐานนี้อยู่เสมอ เช่น เซอร์กิตเบรกเกอร์ จะอ้างมาตรฐาน IEC 60947-2 “Low Voltage Switchgear and Control Gear Part 2”ดังนั้นสำหรับผู้ออกแบบระบบไฟฟ้าในประเทศไทย ในการเขียนรายละเอียดข้อกำหนด(Specification) ของอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ควรใช้มาตรฐานไทย (มอก.) และมาตรฐาน IEC เป็นหลักไม่ควรใช้มาตรฐานประจำชาติของประเทศอื่น ยกเว้นอุปกรณ์ดังกล่าวไม่มีในมาตรฐานไทยและมาตรฐาน IEC

ตู้สวิทช์บอร์ด MDB (Main Distribution Board)
 
ตู้สวิทช์บอร์ด MDB (Main Distribution Board) แสดงได้ดังรูปที่ 2.2 เป็นแผงจ่ายไฟฟ้าขนาดใหญ่ นิยมใช้ในอาคารขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่ ไปจนถึงโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการใช้ไฟฟ้ าจำนวนมาก โดยรับไฟจากการไฟฟ้ าหรือด้านแรงต่ำของหม้อแปลงจำหน่าย แล้วจ่ายโหลดไปยังแผงย่อยตามส่วนต่างๆ ของอาคาร สวิทช์บอร์ดอาจเรียก อีกชื่อหนึ่งว่า Main Distribution Board(MDB) ตู้ MDB ส่วนมากมีขนาดใหญ่ จึงมักวาง บนพื้น มีหลายแบบให้เลือกใช้ขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ผลิต ทั้งนี้ ควรพิจารณาจากระดับแรงดัน พิกัดกระแสและพิกัดกระแสลัดวงจรด้วย ถ้ามิได้กำหนดไว้อย่างอื่น ให้แผงสวิตซ์ไฟฟ้ าที่กล่าวถึงมีเป็นไปตามาตรฐาน IEC 60439-1 รวมทั้งวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องมีการออกแบบ และคำนวณโดยส่งรายการคำนวณให้พิจารณาอนุมัติตามNEMA, ANSI, IEC, DIN, VDE Standard และจะต้องเป็นไปตามาตรฐาน มอก. ที่1436-2540
Rate System Voltage                   :           416/240 Volts
System Wiring                           :           3 - Phase, 4-Wire, Solid Grounded Neutral
Rated Frequency                        :           50 Hz
Rated Current                            :           ตามระบุในแบบ
Rated Short-Time Withstand       :           ไม่น้อยกว่า Rated Short-Circuit
Rated Insulation Level                :           1000 Volts
Control Voltage                         :           240 Volts (AC)
Temperature Rise                       :           25ºC Ambient Temp 40 ºC
Finishing                                   :           Enamel Paint
 

 
รูปที่ 2.2 ตู้สวิทช์บอร์ด MDB (Main Distribution Board)
 
2.3.2 ลักษณะโครงสร้างของแผงสวิตช์
 
โครงสร้างของแผงสวิตซ์ไฟฟ้ าแรงต่ำและมีรายละเอียดดังนี้
1. ลักษณะของแผงสวิตช์ต้องจัดแบ่งออกเป็นส่วนๆ (Vertical Section) มีความสมบูรณ์
สามารถแยกจากกันเป็นอิสระได้โดยง่าย แต่ละส่วนต้องมีขนาดอยู่ในช่วงที่กำหนดนี้
ความสูง : ไม่เกิน 2,200 มม.
ความกว้าง : ระหว่าง 600 - 1,000 มม.
ความลึก : ระหว่าง 800 - 1,000 มม.
2. แผงสวิตช์แต่ละส่วนต้องจัดแบ่งภายในออกเป็นช่องๆ (Compartment) อย่างน้อย 4 ช่องดังนี้
ก. Circuit Breaker Compartment สำหรับติดตั้งอุปกรณ์ตัดวงจรไฟฟ้ าต่างๆ
ข. Metering & Control Compartment สำหรับติดตั้งอุปกรณ์เครื่องวัดอุปกรณ์ป้ องกันรวมทั้ง
Terminal Block สำหรับต่อสายระบบควบคุมและสัญญาณเตือนโดยปกติช่องนี้ให้จัดไว้ที่ส่วนบนของแผงสวิตซ์
ค. Busbar Compartment เป็นช่องสำหรับติดตั้ง Busbar ทั้ง Horizontal และ Vertical Busbar
โดย Horizontal Busbar ให้เดินด้านบนหรือล่างของแผงสวิตช์ สำหรับ Vertical Busbar ให้เดินด้านข้างของ Cubicle นั้นๆ และการจัดวาง Busbar ต้องให้สะดวกสำหรับการเข้าถึงเพื่อบำรุงรักษา
 
ง. Cable Compartment จัดไว้สำหรับเป็นช่องวางสายไฟฟ้ากำลัง (Power Cable) เข้า-ออกจากแผงสวิตซ์แยกเป็นอิสระออกจากส่วนอื่นแต่ละช่องที่กล่าวแล้วต้องมีแผ่นวัสดุกั้นแยกกันไว้เพื่อไม่ให้มีการสัมผัสถึงจากช่องหนึ่งได้โดยง่าย
3. โครงสร้างแผงสวิตซ์ ต้องเป็นแบบ Self-Standing Metal Structure โดยโครงสร้างที่เป็นส่วนเสริมความแข็งแรง ต้องเป็นเหล็กหนาไม่น้อยกว่า 3 มม.ส่วนฝาทุกด้านรวมทั้งแผ่นกั้นช่องต้องเป็นแผ่นเหล็กหนาไม่น้อยกว่า 2 มม. ทั้งนี้ฝาของแผงสวิตซ์แต่ละด้านต้องเป็นไปตามกำหนดดังนี้
ก. ฝาด้านบนให้เป็นแผ่นเหล็กพับขึ้นขอบ แบ่งอย่างน้อยเป็น 2 ชิ้น โดยชิ้นหนึ่งเป็นฝาปิดเฉพาะส่วน Cable Compartment ยึดติดกับโครงสร้างแผงสวิตช์ด้วยสกรูหรือน็อตขนาดและจำนวนเหมาะสมให้มีความแข็งแรง
ข. ฝาด้านล่างให้เป็นแผ่นเรียบเหล็กเรียบการแบ่งชิ้นฝาและการยึดกับโครงสร้างแผงสวิตช์ให้มีลักษณะเช่นเดียวกับฝาด้านบน
ค. ฝาด้านข้างทั้ง 2 ด้าน ให้เป็นแผ่นเหล็กเรียบหรือพับขึ้นขอบรูปด้านละ 1 ชิ้น ยึดติดกับโครงสร้างแผงสวิตช์ด้วยสกรูหรือ น็อตขนาดและจำนวนที่เหมาะสมให้มีความแข็งแรง แต่ในกรณีที่ต้องใช้แผงสวิตช์หลายส่วน (Vertical Section) เรียงต่อกัน ให้ใช้ฝากั้นระหว่างส่วนเป็นแผ่นเหล็กเรียบแทน โดยมีช่องจะทะลุถึงกันเพียงพอตามต้องการ
ง. ฝาด้านหลังให้เป็ นเหล็กพับขึ้นขอบ มีด้านหนึ่งยึดกับโตรงสร้างแผงสวิตช์ด้วยRemovable Pin Hinges เพื่อความสะดวกในการเปิ ดและถอดฝาส่วนอีกด้านหนึ่งให้เป็น ScrewLock หรือ Key Lock ยกเว้นกรณีที่เป็นแผงสวิตซ์ที่ไม่มีการตรวจหรือซ่อมบำรุงด้านหลังให้ฝาด้านนี้เป็นเช่นเดียวกันฝาด้านข้าง
จ. ฝาด้านหน้าให้เป็นแผ่นเหล็กพับขึ้นขอบ โดยมีด้านหนึ่งยึดด้วย Removable Pin Hingesส่วนอีกด้านหนึ่งเป็น Key Lock ฝากสำหรับ Metering & Control Compartment ให้แยกเป็นอีกฝาหนึ่ง
4. การประกอบแผงสวิตซ์ต้องคำนึงถึงกรรมวิธีระบายความร้อนที่เกิดขึ้นจากอุปกรณ์ภายในโดยวิธีไหลเวียนของอากาศตามธรรมชาติ ทั้งนี้อาจเจาะเกร็ดระบายอากาศที่ฝาด้านใดด้านหนึ่งหรือหลายด้านอย่างเพียงพอ พร้อมติดตั้งตะแกรงกันแมลง (Insect Screen)
 
2.3.3 Circuit Breaker
 
1. Circuit Breaker ที่นำมาใช้ทั้งหมดต้องผลิตและทดสอบตามมาตรฐาน NEMA, ANSI,
VDE, หรือ IEC ดังรูปที่ 2.3
2. Circuit Breaker ที่อยู่ภายใน System เดียวกันและต่อเนื่องกัน มีการทำงานตัดวงจร (Time-
Current Curve) สัมพันธ์กัน (Co-Ordination) เพื่อให้ Circuit Breaker ที่อยู่ใกล้จุด Fault ทำงานตัด
วงจรก่อน Circuit Breaker ทั้งหมด จึงควรเป็นผลิตภัณฑ์เดียวกัน
3. Main Circuit Breaker ใช้ระบบ Solid State Trip ประกอบด้วยระบบการทำงานดังนี้
ก. Ground Fault Protection
            ข. Over Current Protection
            ค. Instantaneous Trip
            ง. Long Time Delay and Short Time Delay Setting
4. Feeder และ Sub-Feeder Circuit Breaker ต้องเป็น Molded Case Type, Toggle Operating
Mechanism ทำงานด้วยระบบ Trip Free, Quick-Make, Quick-Break พร้อม Individual Thermalและ Electromagnetic Trip ขนาด Continuous Current Rating และ Interrupting Current Rating ตามกำหนดในแบบ
 

รูปที่2.3 Circuit Breaker
 
2.3.4 Capacitor Bank           
 
1. Capacitor Bank สำหรับปรับค่า Power Factor ของระบบไฟฟ้าโดย Capacitor ต้องเป็นไป
ตามมาตรฐาน IEC 831 ตามรูปที่ 2.4
2. พิกัดของ Capacitor Bank ต้องมีคุณสมบัติและสมรรถนะดังนี้
Type                   :         Indoor (Dry Metalized Film)
Number of Phase  :         3
Rated Voltage       :        440 V
Rated Frequency   :        50 Hz.
Power Loss           :        < 0.3 W/Kvar
Control Voltage     :        220 V
 
 
 
 

 
รูปที่ 2.4 Capacitor Bank
 
2.3.5 เครื่องวัดไฟฟ้า สำหรับตู้สวิตช์บอร์ด (Meter)
 
เครื่องวัดพื้นฐานที่ใช้ในตู้สวิทช์บอร์ดทั่วไปคือ โวลต์มิเตอร์และแอมมิเตอร์ซึ่งต้องใช้งานร่วมกับ Selector Switch เพื่อวัดแรงดันหรือกระแสในแต่ละเฟสพิกัดแรงดันของโวลต์มิเตอร์ คือ 0 -500V ส่วนพิกัดกระแสของแอมมิเตอร์จะขึ้นอยู่กับอัตราส่วนของ Current Transformer เช่น100/5A สำหรับตู้สวิทช์บอร์ดขนาดใหญ่อาจมี P.F. Meter, Watt Meter หรือ Var Meter เพิ่มเติมขึ้นอยู่กับการออกแบบตู้บางตู้ก็อาจติดตั้ง P.F. Controller เพื่อควบคุมค่า Power Factor ในวงจรด้วยดังแสดงในรูปที่ 2.5
 

 
รูปที่2.5 เครื่องวัดไฟฟ้า สำหรับตู้สวิตช์บอร์ด
 
 
 
 
 
 
2.3.6 บัสบาร์ (Busbar)
 
บัสบาร์ มีทั้งชนิดที่ตัวนำทำด้วยทองแดงและอลูมิเนียม รูปร่างของบัสบาร์ที่นิยมใช้กันทั่วไป
เป็นแบบ Flat คือ มีพื้นที่หน้าตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เนื่องจากติดตั้งง่าย ระบายความร้อนดีแบ่ง
ออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. บัสบาร์แบบเปลือย ดังแสดงในรูปรูปที่ 2.6
2. บัสบาร์แบบทาสี ดังแสดงในรูปที่ 2.7
 

 
รูปที่ 2.6 บัสบาร์แบบเปลือย
 

 
รูปที่ 2.7 บัสบาร์แบบทาสี
 
 
 
2.3.7 Current Transformer
 
Current Transformer เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการวัดกระแสไฟฟ้าโดยต่อร่วมกับแอมมิเตอร์ CT ที่มีใช้ในท้องตลาดจะมี 2 กลุ่ม คือ อัตราส่วนต่อ 1 และอัตราส่วนต่อ 5 ที่ใช้ในตู้สวิทช์บอร์ดนิยมใช้อัตราส่วนต่อ 5 เช่น 50/5, 100/5, 300/5 เป็นต้น ปกติจะเลือก CT ตาม ขนาดของเมนเบรกเกอร์ โดยเลือกไม่ต่ำกว่า พิกัดของเมนเบรกเกอร์เช่น เมนเบรกเกอร์ที่มีขนาด 100A ก็จะเลือก CT ขนาด100/5A ข้อควรระวังในการใช้ CT คือ ห้าม เป็นวงจรด้าน Secondary ของ CTเนื่องจากจะเกิดแรงดันสูงตกคร่อมขดลวด และทำให้ CT ไหม้ได้ หากไม่ใช้งานต้องลัดวงจรขั้วทั้งสองของ CT เสมอ ดังแสดงในรูปที่2.8
 

รูปที่ 2.8 Current Transformer
2.3.8 Selector Switch
 
Selector Switch จะใช้ร่วมกับ CT และ Panel Ammeter เพื่อวัดกระแสในตู้สวิทช์บอร์ด ส่วนVoltmeter Selector Switch จะใช้ร่วมกับ Panel Voltmeter เพื่อวัดแรงดันภายในตู้ การต่อวงจรให้ดูจากไดอะแกรมที่มาพร้อมกับอุปกรณ์ เพราะแต่ละยี่ห้อ ก็อาจมีวิธีการ ต่อที่แตกต่างกัน ดังแสดงในรูปที่ 2.9
 

รูปที่ 2.9 Selector Switch
2.3.9 หลอดไฟแสดงผล (Pilot Lamp)
 
หลอดไฟแสดงผล เป็นหลอดที่แสดงสถานการณ์ทำงาน เพื่อบอกให้รู้ว่ามีไฟจ่ายเข้ามายังตู้สวิทช์บอร์ดหรือไม่ Pilot Lamp มี 2 แบบ คือ
 
1. แบบมีหม้อแปลงแรงดัน
2. แบบไม่มีหม้อแปลงแรงดัน
แบบมีหม้อแปลงแรงดันจะลดแรงดันให้ต่ำลงเพื่อให้เหมาะสมกับแรงดันหลอด เช่น220/6.3V เป็นต้น ดังแสดงในรูปที่ 2.10

รูปที่ 2.10 หลอดไฟแสดงผล
 
2.3.10 แผงสวิตช์กระจายไฟฟ้า (Distribution Board)
 
Distribution Board คือ Enclosure สำหรับระบบไฟฟ้ า 3 เฟสที่มีพื้นที่ภายในมากและสะดวก
สำหรับการต่อสายไฟ สามารถแยกรายละเอียดของวงจร โดยมีสัญลักษณ์แสดงและสามารถ เพิ่มจำนวนวงจรย่อยได้การออกแบบจะสอดคล้องกับมาตรฐาน BS 5468 Part 1 & Part 12 และ IEC60439-1 ตามรูปที่ 2.11 ลักษณะของแผงสวิตซ์ไฟฟ้าแบ่งได้ 4 ลักษณะ
1. ตู้มีจำนวนช่องย่อยให้เลือกคือ 12, 24, 36 และ 48
2. ขนาดเมนบัสบาร์ 200A และ 250A
3. สามารถใช้ร่วมกับ RCBOs ขนาด 1P ได้
4. ทำจากโลหะหนาพิเศษเพื่อความทนทานและป้องกันการเกิดสนิม

รูปที่ 2.11 Distribution Board
 
 
2.3.11 ตู้คอนซูมเมอร์ยูนิต (Consumer Unit)
            ตู้คอนซูมเมอร์ยูนิต ดังที่แสดงในรูปที่ 2.12 เป็นตู้ที่ใช้สำหรับติดตั้งรวมอุปกรณ์ป้องกันระบบไฟฟ้าต่างๆ เช่นเซอร์กิตเบรกเกอร์, อุปกรณ์ป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่ว, และอุปกรณ์เสริมอื่นๆเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ไฟฟ้า การเลือกใช้และการติดตั้งตู้คอนซูมเมอร์ยูนิตเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรพิจารณา ตู้คอนซูมเมอร์ยูนิตควรจะมีความเป็นฉนวนมีความทนทานและมีรูปแบบที่ดูสวยงามทันสมัย และหากพิจารณาถึงตัวตู้คอนซูมเมอร์ยูนิต สำหรับใช้ในที่พักอาศัยในปัจจุบันจะพบว่ามีอยู่ 2 ชนิดหลักๆด้วยกันคือ ตู้คอนซูเมอร์ยูนิตที่ทำด้วยโลหะที่มีข้อดีคือ มีความทนทานสูงและไม่ติดไฟ แต่มีข้อเสียคือตัวตู้ที่เป็นโลหะเป็นสื่อที่นำไฟฟ้า ผู้ใช้ไฟอาจได้รับอันตรายจากการสัมผัสถูกตัวตู้หากมีกระแสไฟฟ้ารั่วบริเวณตัวตู้ดังนั้นผู้ใช้ไฟควรทำการต่อลงดินเพื่อป้ องกันอันตรายดังกล่าวที่อาจจะเกิดขึ้น ส่วนตู้คอนซูเมอร์ยูนิตที่ทำด้วยวัสดุอื่นๆ เช่น พลาสติก ก็ควรเป็นวัสดุชนิดที่ไม่ลามไฟ ข้อดีของตู้คอนซูมเมอร์ยูนิต ประเภทนี้คือ ตัวตู้มีคุณสมบัติเป็นฉนวนที่ดี ไม่เป็นสื่อนำไฟฟ้ าทำให้ปลอดภัยขณะสัมผัส มีความทนทานไม่เป็นสนิมและตัวตู้ประเภทนี้มักมีรูปแบบสวยงามอย่างไรก็ตาม ตู้คอนซูมเมอร์ยูนิตที่ดี ควรให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงตัวอุปกรณ์ป้องกันต่างๆได้สะดวก การติดตั้งตัวตู้ควรติดตั้งในบริเวณที่มีการระบายอากาศอย่างเพียงพอและติดตั้งอยู่ห่างจากวัสดุไฟฟ้าเช่นผ้ากระดาษ และควรติดตั้งให้อยู่พ้นจากระดับที่น้ำอาจท่วมถึง ติดตั้งให้ห่างจากแนวท่อระบายน้ำ เพื่อป้องกันหากท่อระบายน้ำเกิดการรั่วรวมถึงควรมีการป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องในการดูแลระบบไฟฟ้าสามารถเข้าไปปรับปรุงแก้ไขได้
 

 
รูปที่ 2.12 ตู้คอนซูมเมอร์ยูนิต
 
 
 
 
 
 
Consumer Unit ประกอบด้วยเมนเบรคเกอร์ (2 ขั้ว) และเบรคเกอร์ย่อย (1 ขั้ว) ที่เสียบต่ออยู่
กับ bus bar มีขั้วต่อสายนิวทรัล และขั้วต่อสายกราวด์ ที่นิยมใช้ทั่วไปมีจำนวนวงจรย่อยตั้งแต่ 4-16
วงจรย่อย ดังรูปที่ 2.13

รูปที่ 2.13 โครงสร้างของ Consumer Unit
 
ในรูปที่ 2.13 แสดงรายละเอียดภายในของ Consumer Unit
หมายเลข 1 = เมนเบรคเกอร์ 2 ขั้วให้เลือกขนาดตามมิเตอร์ของการไฟฟ้ า (สูงสุดไม่เกิน100 A)
หมายเลข 2 = Bus Bar สาหรับวงจรขนาด 100 A
หมายเลข 3 = Neutral Lug (N)
หมายเลข 4 = Ground Bar (G)
หมายเลข 5 = Miniature Circuit Breaker แบบ 1 ขั้ว สาหรับวงจรย่อย
หมายเลข 6 = Earth Leakage Miniature CB. แบบ 1 ขั้ว (เป็นเบรคเกอร์ชนิดกันไฟดูด อาจใช้
หรือไม่ก็ได้)
 
2.3.12 สวิตช์และเต้ารับ
สวิตช์ไฟฟ้าใช้ในการเปิด-ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ โดยใช้หลักการที่สวิตช์เปิดหรือปิด
หน้าสัมผัสซึ่งคล้ายกับสะพานที่เชื่อมให้กระแสสามารถไหลได้ในวงจรไฟฟ้ า หน้าสัมผัสปิ ด
(Closed Contact) คือหน้าสัมผัสเชื่อมต่อกันทำให้กระแสไหลผ่านได้ ส่วนหน้าสัมผัสเปิ ด (Open
Contact) คือหน้าสัมผัสแยกออกจากกันทำให้กระแสไม่สามารถไหลผ่านได้
            สวิตช์มีหลายประเภท และถูกควบคุมด้วยวิธีต่างๆ กัน พวกที่ถูกควบคุมด้วยแรงจากมนุษย์
ได้แก่ Push-button Switch, Toggle Switch, Foot Switch พวกที่ถูกควบคุมด้วยแรงดันไฟฟ้าหรือ
ความต่างศักย์ ได้แก่ Relay, Magnetic Contactor หรือพวกที่ถูกควบคุมด้วยแรงอื่นๆ เช่น Pressure
Switch, Photoelectric Switch, Level Switch รูปที่ 2.14
1. สวิตช์ไฟฟ้าโดยทั่วไปเป็น Heavy Duty, แบบติดฝังกับผนังบนกล่องเหล็กชุบGalvanize
ขนาดที่เหมาะสมกับจำนวนสวิตช์
2. ขนาด Ampere Rating ของสวิตช์ต้องไม่น้อยกว่า 10 แอมแปร์ 250 โวลท์ โดยใช้ Bakelite
หรือวัสดุอื่นที่ดีกว่าเป็นฉนวนไฟฟ้ า ทำให้ไม่สามารถสัมผัสกับส่วนโลหะที่นำไฟฟ้ าได้โดยง่าย
3. สวิตช์ไฟฟ้าสำหรับควบคุมพัดลมดูดอากาศต้องเป็นชนิด Illuminated Lamp ในตัว เพื่อ
แสดงว่าพัดลมกำลังทำงานหรือหยุดทำงาน
4. Cover plate ต้องเป็น Stainless Steel หรือ Aluminum
5. Metal Box สำหรับติดตั้งสวิตช์ไฟฟ้ า ต้องผ่านการชุบป้ องกันสนิมโดย Hot-Dip
Galvanized โดยความหนาของเหล็กต้องไม่น้อยกว่า 1.0 มิลลิเมตร
6. การติดตั้งในฝัง Metal ในผนัง กำแพงหรือเสา แล้วแต่กรณี เพื่อให้ Cover plate ติดแนบ
กับผิวหน้าของผนัง กำแพง หรือเสาดังกล่าว โดยระดับความสูงจากพื้นถึงกึ่งกลางสวิตช์กำหนดไว้
1.20 เมตร

รูปที่ 2.14 สวิตช์ไฟฟ้า
2.3.13 เต้ารับไฟฟ้า (Receptacle)
อุปกรณ์ที่ใช้ต่อกระแสไฟฟ้ าชั่วคราวไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้ า มีลักษณะต่าง ๆ กัน แบ่งได้ 2 ชนิด
คือ ชนิดเต้าเสียบ หรือปลั๊ก (Plug) และ เต้ารับ (Socket –outlet) รูปที่ 2.15 อุปกรณ์ทั้งสองจะใช้
ร่วมกัน เพื่อเป็นจุดรับไฟเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่นโทรทัศน์ เตารีด พัดลม
1. เต้ารับไฟฟ้ าทั่วไปต้องเป็นแบบมีขั้วสายดินในตัว ใช้ได้ทั้งขาเสียบแบบกลมและแบบ
แบน ใช้ติดตั้งฝังในผนังกำแพง แล้วแต่กรณีตามกำหนดในแบบพร้อมกล่องโลหะที่เหมาะสม
2. เต้ารับไฟฟ้ าที่พื้น ต้องเป็นแบบ Low Tension ชนิดขาแบบกลมและแบบแบนพร้อมขั้ว
ดินติดตั้งตามกำหนดในแบบพร้อมกล่องโลหะที่เหมาะสม
3. ต้องมีฉนวนไฟฟ้าเป็น Bakelite หรือวัสดุอื่นที่ดีกว่า โดยสามารถทนแรงดั